tag:blogger.com,1999:blog-22163400187438538382024-03-13T03:25:32.835-07:00มาฆบุชาปิยะดา ปิ่นขจรhttp://www.blogger.com/profile/07459472573683076540noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-2216340018743853838.post-65610682957918625262011-02-19T02:32:00.000-08:002011-02-19T02:32:05.175-08:00ประวัติผู้จัดทำ<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">เด็กหญิง ปิยะดา ปิ่นขจร<br />
<br />
เกิดเมื่อวันที่ 3/12/1996 ที่โรงพยาบาลกาฬสินธ์<br />
<br />
เรียนที่แรกที่โรงเรียนอนุบาลสมฤทัย<br />
<br />
แล้วมาต่อป.1ที่โรงเรียนบ้านวังเวียง<br />
<br />
ปัจจุบัน อายุ 14 ปี เรียนอยุ่โรงเรียนบ้านนาคุพัฒนา"กรป.กลางอุปถัมภ์"<br />
<br />
ขณะนี้ เรียนอยุ่ชั้นมัทธยมศึกษาปีที่ 2/2<br />
<br />
สีที่ชอบ<br />
<br />
<span style="color: black;">สีฟ้า <span style="background-color: white;">สีขาว</span> สีดำ สีชมพุ</span><br />
<br />
<br />
</div>ปิยะดา ปิ่นขจรhttp://www.blogger.com/profile/07459472573683076540noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2216340018743853838.post-61744912405607175842011-02-19T02:17:00.000-08:002011-02-19T02:17:09.883-08:00มาหบูชา<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on"><div id="article"><h1>วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วัน<a href="http://hilight.kapook.com/view/20696" target="_new">มาฆบูชา</a></h1><h3>วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วัน<a href="http://hilight.kapook.com/view/20696" target="_new">มาฆบูชา</a> </h3><div class="content"><div style="text-align: center;"><img alt="มาฆบูชา" border="0" height="350" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/variety/01_221.jpg" style="height: 350px; width: 291px;" width="291" /> </div><br />
<div style="text-align: left;"></div><div style="text-align: left;"><br />
<strong><span style="color: purple;">วันมาฆบูชา ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง วันนี้กระปุกจึงมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวันมาฆบูชามาฝากกันค่ะ</span></strong><br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /><strong><span style="background-color: yellow;">ความหมายของวันมาฆบูชา</span></strong><br />
<br />
คำว่า <strong>"มาฆะ"</strong> นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า <strong>"มาฆบุรณมี"</strong> หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3 <br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /><strong><span style="background-color: yellow;">การกำหนดวันมาฆบูชา</span></strong><br />
การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม<br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /> <span style="background-color: yellow;"><strong>ความสำคัญและประวัติของวันมาฆบูชา</strong></span><br />
ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง <strong>"โอวาทปาติโมกข์"</strong> แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า <strong>"ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"</strong><br />
<span style="color: navy;"><strong> ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่</strong></span><br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์<br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6<br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"<br />
<br />
<span style="color: blue;">และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ</span><br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />จาตุร แปลว่า 4<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />องค์ แปลว่า ส่วน<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />สันนิบาต แปลว่า ประชุม<br />
<br />
<span style="color: blue;"><strong>ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง</strong></span><br />
<strong>ทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์</strong><br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /> <strong><span style="background-color: yellow;">ประวัติการถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย</span></strong><br />
<br />
พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ "พระราชพิธีสิบสองเดือน" อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า<br />
<br />
<span style="color: blue;"> ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวรวิหารและวัดราชประดิษฐ์จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม</span><br />
เมื่อถึงเวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึงและขนมต่างๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ<br />
<br />
<span style="color: blue;"> ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่นั้นๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง</span><br />
ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา<br />
<br />
<strong>นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย</strong><br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /> <strong><span style="background-color: yellow;">หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ</span></strong><br />
<br />
หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้<br />
<br />
<strong><span style="color: blue;"> หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่</span></strong><br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>1.การไม่ทำบาปทั้งปวง</strong> คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)<br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม</strong> คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)<br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>3.การทำจิตใจให้ผ่องใส</strong> คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย<br />
<br />
<strong> ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้น สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์" นั่นเอง<br />
</strong><strong><span style="color: blue;"> อุดมการณ์ 4 ได้แก่</span></strong><br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>1.ความอดทน อดกลั้น</strong> คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>2.ความไม่เบียดเบียน</strong> คือ งดเว้นจากการทำร้าย หรือ เบียดเบียนผู้อื่น<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>3.ความสงบ</strong> ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>4.นิพพาน</strong> ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา<br />
<br />
<br />
<strong><span style="color: blue;"> วิธีการ 6 ได้แก่</span></strong><br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>1.ไม่ว่าร้าย</strong> คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" />2.<b>ไม่ทำร้าย</b> คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>3.สำรวมในปาติโมกข์</strong> คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>4.รู้จักประมาณ</strong> คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่างๆ<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>5.อยู่ในสถานที่สงัด</strong> คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann56.gif" /><strong>6.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ</strong> คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี<br />
<br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /> <strong><span style="background-color: yellow;">กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา</span></strong><br />
<br />
การปฏิบัติตนสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันมาฆบูชาคือ คือ ในตอนเช้า ควรไปทำบุญตักบาตร ไปวัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา หรือจัดสำรับคาวหวานไปทำบุญถวายภัตตาหาร ช่วงบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา เจริญสมาธิภาวนา เมื่อถึงตอนค่ำ นำดอกไม้ ธูปเทียนไปเวียนเทียน 3 รอบที่พระอุโบสถ โดยการเวียนเทียนนั้นจะเวียนขวา จำนวน 3 รอบ และช่วงเวลาที่เดินอยู่นั้นให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนควรบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่างๆ และรักษาศีล สำหรับตามบ้านเรือน สถานที่ราชการ จะมีการประดับธงชาติ ธงธรรมจักร เพื่อระลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา </div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-OCPZd6oWfdw/TV-UZ4iIexI/AAAAAAAAACU/q8ZWUPJvMnA/s1600/3-000072%255B1%255D.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" j6="true" src="http://2.bp.blogspot.com/-OCPZd6oWfdw/TV-UZ4iIexI/AAAAAAAAACU/q8ZWUPJvMnA/s1600/3-000072%255B1%255D.jpg" /></a></div><div style="text-align: left;"><br />
<br />
<img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /> <strong><span style="background-color: yellow;">ข้อเสนอแนะการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันมาฆบูชา</span></strong><br />
<br />
<strong><span style="color: blue;"> กิจกรรมเกี่ยวกับครอบครัว</span></strong><br />
กิจกรรมที่ครอบครัวควรทำในวันมาฆบูชา อย่างเช่น การทำความสะอาดบ้าน จัดแต่งที่บูชาประจำบ้าน ชักชวนครอบครัวไปทำบุญตักบาตร ฟังศีล ฟังธรรม บำเพ็ญกุศล ปฏิบัติธรรม รวมทั้งควรศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอน และความสำคัญของวันมาฆบูชาด้วย<strong><span style="color: blue;"> กิจกรรมเกี่ยวกับสถานศึกษา</span></strong><br />
<br />
ในสถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่ง โดยภายในสถานศึกษาควรมีการร่วมรำลึกถึงความสำคัญของวันมาฆบูชา เช่น จัดนิทรรศการให้ความรู้ ประกวดเรียงความ ตอบปัญหาธรรมะ บรรยายธรรม หรือร่วมกันทำบุญ ตักบาตร เวียนเทียน บำเพ็ญกุศล อีกทั้งประกาศเกียรติคุณนักเรียนผู้ทำประโยชน์ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี<br />
<strong><span style="color: blue;"> กิจกรรมเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน</span></strong><br />
<br />
ควรประชาสัมพันธ์ในที่ทำงาน และจัดให้มีการบรรยายธรรม หรือร่วมบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน ร่วมทำบุญ บำเพ็ญกุศลร่วมกัน<br />
<br />
<strong><span style="color: blue;"> กิจกรรมเกี่ยวกับสังคม</span></strong><br />
<br />
ภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็น วัด มูลนิธิ สมาคม สื่อมวลชน สนามบิน สถานีรถไฟ ฯลฯ ควรช่วยกันประชาสัมพันธ์ความสำคัญของวันมาฆบูชา อาจเป็นการพิมพ์เอกสารให้ความรู้ จัดให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน เช่น ทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ช่วยกันรณรงค์ให้เลิกอบายมุข แต่รณรงค์ให้ช่วยกันทำประโยชน์ต่อสังคมแทน อาจช่วยกันปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดที่สาธารณะ ฯลฯ<br />
<br />
<strong><span style="color: blue;"><img border="0" src="http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashion/ann-113_2.gif" /> </span><span style="background-color: yellow; color: black;">ประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา</span></strong><br />
<br />
พุทธศาสนิกชนจะมีความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของวันมาฆบูชา รวมทั้งหลักธรรมต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความตระหนักต่อความสำคัญของพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะชาวพุทธ และยังเป็นการช่วยธำรงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไป</div></div></div></div>ปิยะดา ปิ่นขจรhttp://www.blogger.com/profile/07459472573683076540noreply@blogger.com0